วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คอนกรีต (CONCRETE)

. คอนกรีตเป็นวัสดุก่อสร้างที่เป็นส่วนผสมระหว่างปูนซีเมนต์ มวลละเอียด (ทราย) มวลรวมหยาบ (หินหรือ กรวด) และน้ำ ผสมกันในอัตราส่วนที่พอเหมาะ โดยให้มวลรวมละเอียด คือทรายแทรกอยู่ในช่องว่างระหว่างมวลรวมหยาบคือ หินหรือกรวด และมีส่วนผสมของน้ำกับปูนซีเมนต์ ซึ่งเราเรียกว่า ซีเมนต์เพสต์ (Cement paste) เป็นตัวประสานให้มวลละเอียดกับมวลหยาบยึดติดกันแน่น คอนกรีตที่ผสมเสร็จใหม่ ๆ เราเรียกว่า คอนกรีตสด (Fresh Concrete) เมื่อคอนกรีตแข็งตัวแล้วจะแข็งแรง และทนทานคล้ายหินธรรมชาติ

1. ชนิด และประเภทของคอนกรีต

1.1 ประเภทของคอนกรีตโครงสร้าง

 

1.1.1 คอนกรีตล้วน (Plane Concrete)
เป็นโครงสร้างที่ใช้คอนกรีตอย่างเดียวล้วน ๆ ไม่มีวัสดุอื่นมาเสริมหรือประกอบเลย ใช้กับโครงสร้างที่รับเฉพาะแรงอัด เช่น เขื่อนกั้นดิน ทำฐานคอนกรีตที่มีความหนามาก ๆ ใช้รองรับโครงสร้าง หรือเครื่องจักร

1.1.2 คอนกรีตเสริมเหล็ก (Reinforced Concrete)
นิยมเรียกโดยย่อว่า ค.ส.ล. เป็นโครงสร้างทั้งคอนกรีต และเหล็กเสริมประกอบกัน เพื่อให้สามารถรับได้ทั้งแรงอัดและแรงดึง โดยคอนกรีตเป็นส่วนรับแรงอัด ส่วนเหล็กเป็นส่วนรับแรงดึง ปัจจุบันนี้โครงสร้างอาคารโดยทั่วไป จะเป็นโครงสร้างค.ส.ล. แทบทั้งสิ้น

1.1.3 คอนกรีตอัดแรง (Pre-Stressed Concrete) เป็นคอนกรีตที่ใช้เหล็กเสริมที่ต้านทานแรงดึงได้สูง โดยการดึงเหล็กให้ยืดออกแล้วตัดเหล็ก ปล่อยให้เหล็กหดตัวกลับแล้วอัดคอนกรีต จึงเรียกคอนกรีตอัดแรง สามารถรับแรงได้ดีกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กธรรมดา นิยมใช้กับงานท่อน้ำ ถังน้ำ สะพาน ระบบพื้น และเข็มคอนกรีตอัดแรง คอนกรีตอัดแรงทำได้ 2 วิธี คือ วิธีดึงก่อน และวิธีดึงทีหลัง
1.1.4 คอนกรีตหล่อก่อน (Precast Concrete)
เป็นการทำคอนกรีตในโรงงานผลิต หมายถึงการผลิตเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นแบบหล่อต้องสร้างอย่างแข็งแรง บางทีทำด้วยเหล็ก เป็นงานทำอยู่กับที่ เช่น เข็ม คาน และท่อคอนกรีต ทั้งยังนำมาใช้กับงานอาคารสำเร็จรูป

1.1.5 คอนกรีตน้ำหนักเบาและการผลิต (Light weight Concrete and Manufacture)
ปรกติคอนกรีตมีน้ำหนักมาก สำหรับโครงสร้างที่ใหญ่ต้องสิ้นเปลืองวัสดุใช้ในการทำฐานรากเป็นจำนวนมาก เพื่อลดขนาดฐานรากให้เล็กลง โดยทำให้เกิดฟองอากาศในเนื้อคอนกรีต (aerated concrete) หมายถึงทำให้เกิดฟองแก็ส (ไฮโดรเจน) ในคอนกรีตสดด้วยการใส่อลูมิเนียมผง หรือสังกะสีผงลงไป นอกจากนี้ยังมีการหาวัสดุมวลหยาบที่มีน้ำหนักเบา เช่นหินรูพรุนจากภูเขาไฟเพื่อลดน้ำหนักคอนกรีต แต่มีความแข็งแรงเท่ากัน คอนกรีตชนิดนี้มีน้ำหนักประมาณ 300-800ก.ก. ซึ่งคอนกรีตธรรมดาจะมีน้ำหนักประมาณ 2000 ก.ก. / ลูกบาศก์เมตร

1.1.6 คอนกรีตไร้มวลละเอียด (No - fines Concrete)
คอนกรีตชนิดนี้ประกอบด้วยซีเมนต์ และมวลหยาบ อาจเป็นหินหรือกรวดที่มีขนาด 10-20 ม.ม. หรือใช้วัสดุเบาอื่น ๆ จะทำให้น้ำหนักลดลง 3/4 - 2/3 เท่าของน้ำหนักคอนกรีตธรรมดา ส่วนผสมที่ใช้กัน 1 : 8 มีอัตราส่วนน้ำต่อซีเมนต์ 0.45 คอนกรีตชนิดนี้รับน้ำหนักได้ต่ำ จึงนิยมใช้เป็นผนัง หรือเสริมเป็นไส้ในพื้น การหดตัวเมื่อแห้งของคอนกรีตชนิดนี้ น้อยกว่าคอนกรีตน้ำหนักเบาชนิดอื่น

1.1.7 คอนกรีตต้านทานน้ำทะเล (Concrete Resistance Sea-water) เป็นคอนกรีตที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนจากน้ำทะเลได้ เนื่องจากคอนกรีตสามารถดูดซึมน้ำทะเลได้ การดูดซึมและการระเหยของน้ำทะเล จะทำให้เกิดการตกตะกอนของเกลือ และจะพอกเป็นก้อนเกลือในที่สุด ซึ่งเกลือนี้จะเป็นตัวทำปฏิกิริยาเคมีกับเนื้อคอนกรีต ทำให้ผุกร่อนไปถึงเหล็กเสริม แล้วจะทำให้เหล็กเสริมผุไป เป็นคอนกรีตที่ใช้ในงานก่อสร้างทางทะเล และบริเวณทะเล เช่น อู่ต่อเรือ ท่าจอดเรือ เป็นต้น

1.2 ผิวคอนกรีตในงานสถาปัตยกรรม


1.2.1 คอนกรีตเปลือย 
เมื่อนำแบบหล่อออกแล้ว จะปล่อยให้ผิวคอนกรีตเป็นไปตามรูปแบบหล่อนั้นโดยตรง จะมีการแต่งผิวขั้นสุดท้ายโดยใช้ปูนซีเมนต์ผสมทรายละเอียดที่ร่อนจากตะแกรงตาถี่ ๆ ใส่น้ำเหลวมาก เอาแปรงไม้กวาดจุ่มปูนปาดตามผิวคอนกรีต ทรายจะเข้าไปอุดในรูพรุนเล็ก ๆ ทำให้ผิวเรียบไม่เปลืองสีรองพื้น สำหรับไม้แบบของคอนกรีตเปลือยจะต้องประณีต และแข็งแรง

1.2.2 คอนกรีตฉาบผิวด้วยปูนทราย 
ผิวแบบหล่อจะต้องหยาบเพื่อให้ปูนฉาบจับได้แน่นไม่หลุดร่อน ปูนฉาบประกอบด้วยทรายละเอียดร่อนพร้อมปูนขาวหมักด้วยน้ำ และผสมปูนซีเมนต์ ในกรณีนี้แบบหล่อไม่จำเป็นต้องประณีต แต่ต้องแข็งแรงเพื่อไม่ให้ลำบากในการฉาบ

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สถาปัตย์มหัศจรรย์! โลกตะลึง10ตึกประหลาด (ข่าวสด)

สถาปัตย์มหัศจรรย์! โลกตะลึง10ตึกประหลาด (ข่าวสด) "สถาบันสถาปัตยกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา" พยากรณ์ล่าสุดว่า ผลพวงจากสภาพเศรษฐกิจตกต่ำและภาคอสังหาริมทรัพย์ซบเซา จะส่งผลให้ลักษณะการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนในช่วง 2-3 ปีจากนี้ลดการออกแบบหวือหวาลงไปเพื่อประหยัดต้นทุน โดยหันไปเน้นรูปแบบเรียบง่ายและประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้นิตยสารเทคโนโลยีเครื่องยนต์กลไกเล่มดัง "พ็อพพิว ลาร์เมคานิก" จึงตระเวนสรรหาตึกแปลกประหลาดพิสดาร ท้าทายความคิดสร้างสรรค์ด้านสถาปัตยกรรมและแรงโน้มจากทั่วโลกมาให้ได้ยลโฉมกันบางส่วนดังนี้ 1. 30 St. Mary Axe (30 เซนต์ แมรี่ แอ็กซ์) ตึกระฟ้าเจ้าของสถิติอาคารสูงอันดับ 2 ในมหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดทำการปี 2547 มีชื่อเล่นว่า "ตึกแตง" เพราะรูปทรงคล้ายแตง กลมมนทั้งตึก โครงสร้างเต็มไปด้วยกระจก เฉพาะภายนอกติดตั้งกระจกกินพื้นที่ 24,000 ตารางเมตร
2. The Egg (ดิ เอ้ก) อาคารทรงไข่ผ่าครึ่ง ที่ตั้งศูนย์ศิลปะการแสดงเมืองอัลเบนี่ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีโรงละครอยู่ภายใน 2 โรง ความจุรวม 892 ที่นั่ง ยากที่ใครจะเลียนแบบ เพราะมีโครงสร้างรับน้ำหนักซับซ้อนมาก
3. Flintstone House (ฟลินต์สโตน เฮาส์) บ้านจัดสรรในเมืองเบอร์ลินเกม รัฐแคลิ ฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา สร้างเลียนแบบบ้านในการ์ตูนยอดฮิตในอดีต "มนุษย์หินฟลินต์สโตน" ออกแบบโดย วิลเลียม นิโคลสัน เมื่อเกือบ 40 ปีก่อน
4. The Crooked House (เดอะคร้กเก็ดเฮาส์) อาคารพาณิชย์ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจเมืองโซพอต ประเทศโปแลนด์ มองดูมีสัดส่วนบิดเบี้ยวสุดๆ ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพบ้านเรือนในหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็ก ตรงหลังคาออกแบบตั้งใจให้เหมือนเกล็ดมังกร
5.) Basket Building (บาสเก็ตบิลดิ้ง) สำนักงานใหญ่บริษัทลองกาเบอร์เกอร์ เมืองนิวอาร์ก สหรัฐอเมริกา ประกอบกิจการขายตะกร้า ซึ่งก็คือที่มาของอารมณ์นึกสนุกสร้างตึกเป็นทรงตะกร้านั่นเอง
6.) Guggenheim Museum (กุกเกนไฮม์ มิวเซียม) พิพิธภัณฑ์กุกเกนไฮม์ เมืองบิลเบา ประเทศสเปน รังสรรค์โดย แฟรงก์ เกห์รี สถาปนิกชื่อดังระดับโลกชาวแคนาดา ออกแบบให้ดูสับสนวุ่นวาย มองแล้วเดาไม่ออกว่าเส้นสายโครงสร้างจะไปจบตรงไหน
7.) Dancing House (แดนซิ่งเฮาส์) "บ้านเต้นระบำ" กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ผลงาน แฟรงก์ เกห์รี สถาปนิกแคนาดา และวลาโด มิลยูนิช เพื่อนสถาป นิก มีชื่อเล่น "จิงเจอร์แอนด์เฟร็ด" ตามที่มีการออกแบบได้แนวคิดจากท่าเต้นพลิ้วไหวคู่กันของ จิงเจอร์ โรเจอร์ส และเฟร็ด แอสแตร์ สองนักเต้นชื่อดัง
8.) Lotus Temple (โลตัสเทมเปิ้ล) "วัดดอกบัว" หรือ "โลตัสเทมเปิ้ล" ในกรุง นิวเดลี อินเดีย หนึ่งในศาสนสถานที่มีผู้คนมาเยี่ยมเยือนมากที่สุดในอินเดีย
9.) Cube House (คิวบ์เฮาส์) บ้านทรงลูกบาศก์เชื่อมต่อกัน 38 หลังในนครร็อตเทอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เกิดจากแนวคิดเวลามองหมู่แมกไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ร่วมกัน
10.) Library of Alexandria (ไลบรารี่ ออฟ อเล็กซานเดรีย) ห้องสมุดเมืองอเล็กซานเดรีย อียิปต์ มีความสูง 11 ชั้น ลักษณะอาคารสื่อถึงภาพดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ เปรียบได้กับการเข้ามาแสวงหาเพิ่มพูนปัญญา ณ สถานที่แห่งนี้

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การบ่มคอนกรีต (CONCRETE CURING)

การบ่มคอนกรีตเป็นการควบคุมและป้องกันมิให้น้ำในคอนกรีตระเหยออกจากคอนกรีตที่แข็งตัวแล้วเร็วเกินไป เนื่องจากน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดสำหรับปฏิกิริยาไฮเดรชั่น ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังของคอนกรีตโดยตรง ดังนั้น หลังจากที่ผิวหน้าคอนกรีตแข็งตัวแล้ว จะต้องบ่มคอนกรีตให้มีความชื้นอยู่เสมอ เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน กำลังของคอนกรีตจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังมีความชื้นให้ปูนซีเมนต์ได้ทำปฏิกิริยากับน้ำ
วิธีการบ่มคอนกรีต
วิธีการบ่มคอนกรีตจะขึ้นอยู่กับสภาพของงานคอนกรีตนั้นๆ เป็นหลัก ลักษณะของการบ่มคอนกรีตสามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือการเพิ่มความชื้นให้คอนกรีต การป้องกันการเสียน้ำของคอนกรีต และการเร่งกำลัง
1. การบ่มโดยการเพิ่มความชื้นให้คอนกรีต การบ่มลักษณะนี้จะเพิ่มความชื้นให้กับผิวคอนกรีตโดยตรง เพื่อทดแทนการระเหยของน้ำออกจากคอนกรีต การบ่มลักษณะนี้สามารทำได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้
1.1 การขังหรือหล่อน้ำ เป็นการทำนบกั้นน้ำไม้ให้น้ำไหลออกมักจะใช้กับงานทางระดับ เช่น พื้น หรือถนน เป็นต้น วัสดุที่ใช้ทำทำนบอาจจะเป็นดินเหนียว หรืออิฐก็ได้ ข้อควรระวังสำหรับวิธีนี้ คือ ต้องระวังอย่าให้ทำนบกั้นน้ำพัง และหลังจากบ่มเสร็จแล้ว อาจจะต้องทำความสะอาดผิวหน้าคอนกรีต
1.2 การฉีดน้ำหรือรดน้ำ เป็นการฉีดน้ำให้ผิวคอนกรีตเปียกอยู่เสมอวิธีนี้ใช้ได้กับงานคอนกรีต ทั้งในแนวดิ่ง แนวระดับ หรือแนวเอียง ข้อควรระวัง คือต้องฉีดน้ำให้ทั่วถึงทุกส่วนของคอนกรีต และแรงดันน้ำต้องไม่แรงเกินไปจนชะเอาผิวหน้าคอนกรีตที่ยังไม่แข็งตีวดีออก วิธีนี้ต้องสิ้นเปลืองน้ำมาก และต้องอาศัยที่ที่มีแรงดันน้ำมากพอ
1.3 การคลุมด้วยวัสดุเปียกชื้น เป็นวิธีที่ใช้กันมาก เพราะสะดวก ประหยัด และสามารถใช้ได้กับงานทั้งแนวระดับ แนวดิ่ง และแนวเอียง วัสดุที่ใช้คลุมอาจจะใช้ ผ้าใบ กระสอบ หรือวัสดุอื่นที่อมน้ำ ข้อควรระวัง คือวัสดุที่คลุมต้องเปียกชุ่มอยู่เสมอ การคลุมต้องคลุมให้วัสดุคลุมเหลื่อมกัน วัสดุที่ใช้คลุมต้องปราศจากสารที่เป็นอันตรายต่อคอนกรีต หรือทำให้คอนกรีตด่าง สำหรับการคลุมงานคอนกรีตในแนวดิ่ง ต้องยึดวัสดุคลุมให้แน่นหนา ไม่เลื่อนหล่นลงมาได้ โดยเฉพาะเวลาที่ราดน้ำ ซึ่งจะต้องทำเป็นประจำ
2. การบ่มโดยการป้องกันการเสียน้ำจากเนื้อคอนกรีต วิธีการนี้ใช้การผนึกผิวของคอนกรีต เพื่อป้องกันมิให้ความชื้นจากคอนกรีตระเหยออกจากเนื้อคอนกรีต การบ่มลักษณะนี้สามารถกระทำได้หลายวิธีดังนี้
2.1 การบ่มในแบบหล่อ แบบหล่อไม้ที่เปียก และแบบหล่อเหล็ก สามารถป้องกันการสูญเสียความชื้นได้ดี วิธีนี้จัดได้ว่าง่ายที่สุด เพียงแค่ทิ้งแบบหล่อให้อยู่กับคอนกรีตที่หล่อไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และคอยดูแลให้ผิวด้านบนคอนกรีตมีน้ำอยู่ โดยน้ำนั้นสามารถไหลซึมลงมาระหว่างแบบหล่อกับคอนกรีตได้
2.2 การใช้กระดาษกันน้ำซึม เป็นการใช้กระดาษกันน้ำซึม ปิดทับผิวคอนกรีตให้สนิท เป็นเวลาอย่างน้อย 3 วัน วิธีนี้มักนิยมใช้กับงานคอนกรีตแนวระดับ กระดาษกันน้ำซึมนี้ เป็นกระดาษเหนียวสองชั้นยึดติดกันด้วยยางมะตอย และเสริมความเหนียวด้วยใยแก้ว มีคุณสมบัติในการยึดหดตัวไม่มากนักเวลาที่เปียกและแห้ง ข้อควรระวังในการใช้กระดาษ คือ บริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นจะต้องผนึกให้แน่นด้วยกาว หรือเทป และกระดาษต้องไม่มีร่อยรอยฉีกขาด หรือชำรุด
2.3 การใช้แผ่นผ้าพลาสติกคลุม วิธีการนี้จะเหมือนกับการใช้กระดาษกันน้ำ แต่แผ่นผ้าพลาสติกจะเบากว่ามาก จึงสะดวกในการใช้มากกว่า สามารถใช้กับงานโครงสร้างทุกชนิด ข้อควรระวังก็เช่นเดียวกับกระดาษกันน้ำ คือ รอยต่อและการชำรุดฉีกขาด และเนื่องจากมีน้ำหนักเบา จึงต้องระวังเรื่องการผูกยึด ป้องกันลมพัดปลิวด้วย
2.4 การใช้สารเคมีเคลือบผิวคอนกรีต เป็นการพ่นสารเคมีลงบนผิวคอนกรีตซึ่งสารเคมีที่พ่นนี้จะกลายเป็นเยื่อบางๆ คลุมผิวคอนกรีตป้องกันการระเหยออกของน้ำในคอนกรีตได้ การบ่มวิธีนี้ทั้งสะดวกและรวดเร็วแต่ค่าใช้จ่ายจะสูง จึงมักใช้กับงานที่บ่มด้วยวิธีอื่นได้ลำบาก การพ่นสารเคมีนี้ต้องกระทำในขณะที่ผิวคอนกรีตยังชื้นอยู่ และต้องพ่นให้ทั่วถึง ข้อที่ควรทราบ คือสารเคมีประเภทนี้จะทำให้การยึดเหนี่ยวระหว่างคอนกรีตเดิมกับคอนกรีตที่จะเทใหม่เสียไป จึงไม่ควรใช้กับงานคอนกรีตที่ต้องต่อเติม หรือฉาบปูนในภายหลัง และหากใช้สารเคมีฉีดพ่นแล้ว ไม่ควรฉีดน้ำซ้ำ เพราะน้ำจะไปชะล้างสารเคมีออก ควรชี้แจงให้คนที่ทำงานทราบถึงประเด็นนี้ เพื่อจะได้ไม่ฉีดชะล้างสารเคมีออกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
3. การบ่มด้วยการเร่งกำลัง เป็นการบ่มคอนกรีตด้วยไอน้ำ โดยให้ความชื้น และความร้อน กับคอนกรีตที่หล่อเสร็จใหม่ๆ วิธีนี้จะทำให้คอนกรีตมีกำลังสูงขึ้นโดยรวดเร็วช่วยลดการหดตัว และเพิ่มความต้านทานต่อสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อคอนกรีต การบ่มคอนกรีตด้วยวิธีนี้สามารถทำได้สองวิธี คือการบ่มด้วยไอน้ำที่มีความดันต่ำ และการบ่มด้วยไอน้ำที่มีความดันสูง การบ่มด้วยการเร่งกำลัง นิยมใช้กันในงานอุตสาหกรรมคอนกรีตสำเร็จรูป

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ดูฮวงจุ้ยก่อนสร้างบ้าน


หน้าบ้านรับโชค 
         หน้าบ้านเป็นส่วนสำคัญที่สุดของบ้าน เพราะเป็นทางผ่านของโชคลาภ บานประตูหน้าบ้านต้องทำให้แข็งแรงทนทาน หากมีส่วนใดคดงอต้องรีบซ่อมแซมให้สมบูรณ์เหมือนเดิม และควรรักษาความสะอาดของหน้าบ้านอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรปล่อยให้ใบไม้เหี่ยวแห้งหล่นเกลื่อนกลาด ไม่น่ามอง ทางฮวงจุ้ยดีก็จะทำเสริมสิริมงคลให้ตัวบ้านยิ่งขึ้น


ข้อต้องห้ามของห้องน้ำ         แม้จะได้ชื่อว่าเป็นห้องสุขา แต่ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วระบุข้อห้ามไว้ไม่น้อยเหมือนกัน อาทิ ห้ามตั้งห้องน้ำอยู่กลางบ้าน เพราะจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านเจ็บป่วยเกี่ยวกับเรื่องท้องไส้ ซึ่งอาจจะเกี่ยวพันกับสุขอนามัยด้วย อีกทั้งห้ามตั้งห้องน้ำหรือประตูห้องน้ำตรงกับประตูบ้าน เพราะเมื่อเปิดประตูบ้านควรจะได้พบกับสิ่งสวยงามมากกว่าที่จะมาเจอห้องน้ำเลย 


แต่งบ้านด้วยรูปภาพน้ำตก
         ภาพวาดที่นำมาประดับประดา นอกจากความสวยงามแล้วยังแฝงความหมายอันเป็นมงคลอีกด้วย เช่น ภาพน้ำตก เชื่อว่าเป็นการเสริมโชคลาภ และกระแสน้ำต้องไหลในทิศทางที่เข้าสู่ตัวบ้านจึงจะถือว่าเป็นมงคล ถ้ากระแสน้ำไหลออกนอกบ้าน จะทำให้โชคลาภไหลออกจากบ้านหมด